ถึง..หวาย น้องสาวที่น่ารัก
นี่เป็นครั้งแรกและคงเป็นครั้งสุดท้าย ที่พี่จะเขียนถึงหวาย อย่างแรกเลยต้องขอขอบคุณความเอื้ออาทรที่หวายมีให้ น้ำใจขอหวาย พี่คิดว่าทุกคนที่รู้จักกับหวายคงรับรู้ได้ ครั้งสุดท้ายพี่จำได้ หวายบอกพี่ว่าหวายอยากดูแลคนอื่นบ้าง พี่ขอบอกเลยนะ หวายได้ดูแลคนอื่นแล้วนะจ๊ะ ดูแลอย่างดีเยี่ยม กระทั่งพี่ที่รู้เรื่องหวาย แทนที่พี่จะปลอบหวาย หวายกลับเป็นคนปลอบพี่เอง สัญญานะจ๊ะว่าจะไม่เศร้า(นาน)พี่ขอให้หวายไปสู่สุขคติ อย่าห่วงอะไรอีก จะระลึกถึงน้องสาวคนนี้เสมอ

พี่เหมียว

。◕‿◕。 ลม เย็น เย็น 。◕‿◕。

สวัสดีค่ะ เจอกันที่บ้านใหม่แล้วนะคะ ขึ้นบ้านใหม่นี้คงมีอะไรใหม่ๆมาแบ่งปันกันไม่มากก็น้อย ยินดีตอนรับสู่บ้านหลังใหม่ค่ะ

เพราะชีวิต..นับหนึ่งได้เสมอ

บางช่วงเวลาของชีวิต เคยรู้สึกบ้างไหมว่า "ตัวเองกำลังประสบกับความล้มเหลว"

ถ้าเคย … ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะถ้ามีคำว่า "ความสำเร็จ" ก็ต้องมีคำว่า "ล้มเหลว"

เป็นของคู่กัน เพียงแต่ว่าคุณจะต้องรับกับสถานการณ์ความล้มเหลวแล้วลุกขึ้นสู้

อีกครั้งได้อย่างไร? ชีวิตนับหนึ่งได้ และเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ โดยยึดหลักง่าย ๆ

ไว้เตือนใจตัวเองว่า….

‘๑’ = ทำดีที่สุดแล้ว = ‘๑’


——————–

คนที่ไม่เคยล้มเหลวคือคนที่ไม่เคยทำอะไรเลย คนที่ประสบความล้มเหลว


คือคนที่น่ายกย่องมากกว่า เพราะอย่างน้อยก็ได้ลงมือทำ อย่ากลัวกับ

ความล้มเหลวที่จะเกิดขึ้น เพราะมันจะเป้นบทเรียนและประสบการณ์อันยิ่งใหญ่

ให้เราได้เรียนรู้ว่า หนทางแห่งความสำเร็จอยู่ตรงไหน … อย่างไร?

ให้คิดเสียว่า … "เราทำดีที่สุดแล้ว"

‘๒’ = อย่ายอมแพ้ = ‘๒’


——————

ไม่มีใครจะแพ้ตลอด และไม่มีใครจะเป็นผู้ชนะตลอดกาล ฉะนั้น จงอย่ายอมแพ้


โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการแพ้ใจตัวเอง ทุกครั้งที่คุณหกล้มหรือก้าวพลาด จงอย่า

ยอมแพ้ ให้ลุกขึ้นสู้และก้าวเดินต่อไปอย่างสง่างามอีกครั้ง แพ้อะไรก็แพ้ได้แต่

อย่าแพ้ใจตัวเองก็แล้วกัน เพราะถ้าเราแพ้ใจตัวเอง นั้นหมายถึงเราโดนน๊อคตั้งแต่

ยังไม่เริ่มชกแล้ว จงบอกกับตัวเองว่า หนทางแห่งชัยชนะยังรอคุณอยู่ข้างหน้า

ค่อย ๆ ตั้งสติ คิดอย่างมีสติ และรอบคอบ แล้วลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง

‘๓’ = นับหนึ่งถึงร้อย = ‘๓’


——————–

ทุกครั้งที่ท้อถอย หรือหมดกำลังใจ ก่อนจะเดินถอยหนี หยุดคิดสักนิด ลองนับ


หนึ่งถึงร้อยก่อน อย่าตัดปัญหาด้วยการทิ้งปัญหา และหันหลังเดินจากไป นั่นไม่ใช่

วิธีการแก้ปัญหาที่ดี เพราะปัญหามันยังคงหมักหมมอยู้ตรงนั้น จงบอกกับตัวเอง

ให้อดทน..อดทน…และอดทน รอวันเวลาและโอกาสที่จะมาถึง แล้วค่อย ๆ เดิน

หน้าสู้ต่อไป

‘๔’ = เหนื่อยนักก็พักก่อน = ‘๔’


————————–

วันนี้อาจจะเหนื่อย และท้อแท้กับปัญหาที่เกิดขึ้น นั่นอาจเป็นสัญญาณที่ดีอย่าง


หนึ่งที่คอยเตือนให้เรารู้ว่า ถึงเวลาแล้วที่เราต้องหยุดพักเสียบ้าง

หยุดพักเพื่อที่จะทบทวนกับปัญหาที่ผ่านเข้ามาในชีวิต หยุดพักเพื่อถอยออกมา

หนึ่งก้าว แล้วมองย้อนไปมองดูปัญหาในอีกมุมหนึ่ง บางที่อาจทำให้เรามองเห็น

ปัญหาในมุมที่กว้างขึ้น

การหยุดพักไม่ได้หมายถึงการทำให้เราต้องยอมแพ้ หรือถอยหลัง แต่การหยุด

พักจะทำให้เราได้ชาร์ทแบตเตอรี่ หรือเติมกำลังใจให้เข้มแข็งขึ้น และมีเรียวแรง

ที่จะสู้กับปัญหาต่อไป

‘๕’ = หยุดคิดเพื่อทบทวน = ‘๕’


————————-

การหยุดคิดเพื่อทบทวนจะทำให้เราแก้ปัญหาได้ดีขึ้น เพราะบางทีการหมกมุ่นอยู่


กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งนาน ๆ อาจทำให้เรามองไม่เห็นปัญหา หรือวนอยู่กับปัญหานั้นซ้ำ ๆ

ซาก ๆ และถึงทางตันจนหาทางออกไมเจอ

อย่าลืมว่าในมุมมืดที่สุดก็ต้องมีมุมสว่างเล็ดลอดอยู่บ้าง ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทบทวน

แล้วเราจะค้นพบทางสว่างและหาทางออกเจอในที่สุด

๐ บางทีทางออกใหม่จะดีกว่าทางเดิมที่เราเคยเดินมาเสียอีก ๐

‘๖’ = โอกาสต้องเป็นของคุณ = ‘๖’


—————————–

วันนี้ … เวลานี้ โอกาสอาจยังไม่เป็นของเรา แต่วันข้างหน้าโอกาสต้องเป็นของ


เราไม่ช้าก็เร็ว อย่างน้อยตอนนี้เราก็มีเวลาอย่าเพียงพอที่จะเก็บเกี่ยวความรู้

ประสบการณ์ ความเชื่อมั่น และพลังใจที่จะฝ่าฟันอุปสรรคให้ประสบความสำเร็จ

ได้ต่อไป

‘๗’ = ต้องชนะ = ‘๗’


————–

เมื่อเราเรียนรู้ที่จะแพ้ เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะชนะด้วย ชัยชนะอาจไม่ได้มาง่าย ๆ


แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะแพ้ตลอดไป "อย่ากลัวที่จะแพ้ และอย่าประมาท

กับชัยชนะที่จะมาถึง"

จงเรียนรู้จากบทเรียนของความพ่ายแพ้ และนำสิ่งนั้นมาเป็นหนทางสู้ต่อเพื่อให้ได้

มาซึ่งชัยชนะ เมื่อเราเคยแพ้ เรายิ่อมรู้ดีว่าวิธีที่จะนำมาซึ่งชัยชนะนั้นต้องทำ

อย่างไร? จงบอกกับตัวเองว่า เราจะต้องเป็นผู้ชนะให้ได้

‘๘’ = กล้าที่จะฝัน = ‘๘’


—————–

คนที่ไม่เคยมีความฝันคือคนที่ตายแล้ว ไม่ผิดที่ทุกคนจะฝัน เพราะมนุษย์ทุกคน


ย่อมมีความฝัน และฝันของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันออกไป

จงกล้าที่จะฝัน และทำสิ่งที่ท้าทายความฝันนั้น แต่อย่าทะเยอทะยานจนเกินความ

เป็นจริง จงก้าวทีละขั้น ก้าวช้า ๆ ก้าวอย่ามั่นใจ เพื่อทำให้ทุกความฝันของเรา

เป็นจริง

‘๙’ = คิดและวางแผน = ‘๙’


———————

จะถูกบ้างผิดบ้างก็ไม่เป็นไร แต่จงคิดและวางแผนของเราเสียแต่วันนี้บางทีความ


คิดของเราอาจจะเข้าทางใครสักคน หรือเป็นเรื่องที่ดีก็ได้ อย่าดูถูกความคิดของ

ตัวเอง อย่าคิดว่าความคิดของเราเป็นเรื่องประหลาด บางทีความคิดประหลาดอาจ

เป็นความคิดที่เข้าท่าก็ได้

อย่าลืมว่า ความคิดแปลก ๆ ใหม่ ๆ สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ในโลกมามากแล้ว

ลองคิดดัง ๆ แล้วบอกความคิดของเราให้คนรอบข้างได้รู้บ้าง บางทีความคิดดี ๆ

ของเราอาจจะเป็นของขวัญชิ้นโบว์แดงสำหรับโลกก็ได้ ใครจะรู้

‘๑๐’ = ไปให้ถึงเป้าหมาย = ‘๑๐’


———————–

มนุษย์ทุกคนต่างก็มุ่งไปสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จข้างหน้าด้วยกันทั้งนั้น จะไป


ได้ช้าหรือเร็วนั้น อยู่ที่วิธีการและแนวทางของแต่ละคน

กว่าจะถึงภูเขาที่สูงชันย่อมต้องเจอกับขวากหนามที่แหลมคม สติและสมาธีที่

มุ่งมั่นเท่านั้นที่จะทำให้เราเดินผ่านขวากหนามได้

ผู้ฉลาดเท่านั้นย่อมเรียนรู้ที่จะใช้ข้อผิดพลาดนั้นให้เป็นประโยชน์ และผู้ที่อดทน

เท่านั้นที่จะก้าวไปสู่ยอดเขาอันสูงชันได้

ยอดเขาสูงชัน … ยิ่งสูงยิ่งหนาว แต่เราจะไม่เหน็บหนาวเพียงลำพัง ถ้าเราไม่

ลืมว่าบรรยากาศบนพื้นดินที่เคยเดินผ่านมานั้นเป็นอย่างไร

๐ ให้โอกาสและกำลังใจกับตัวเอง และจงบอกกับตัวเองเสมอว่า ๐

………. ชีวิตนับหนึ่งได้เสมอ ……….

ธัมมทินน์

ความล้มเหลวเหรอ…แล้วไง

หากคุณได้พบกับความล้มเหลว

ไม่ได้หมายความว่าชีวิตคุณล้มเหลว

เพียงแค่คุณยังทำมันไม่สำเร็จเท่านั้น

เมื่อบางอย่างล้มเหลว

อย่างน้อย … เราก็ได้เรียนรู้บางอย่างจากสิ่งที่เราทำ


เมื่อเราล้มเหลวไม่ได้หมายความว่าเราโง่

แต่เรามั่นใจและเต็มใจที่จะลองต่างหาก

ความล้มเหลวไม่ได้บอกว่าเลิกซะเถอะ คุณไม่มีหวังหรอก

มันแค่บอกคุณต้องลองหาทางใหม่ ๆ

ความล้มเหลวไม่ใช่เครื่องบ่งชี้ว่าคุณต้องต่ำ

มันแค่บอกว่าคุณไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบ(ซึ่งก็เหมือนใครๆ )

ความล้มเหลวไม่ได้ทำให้คุณเสียเวลาไปเปล่าๆ

แต่เป็นเหตุผลที่ดีในการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ

ความล้มเหลวไม่ได้บอกให้คุณยอมแพ้

มันบอกกับคุณว่า พยายามให้มากขึ้น

ความล้มเหลวไม่ได้บอกว่าคุณไม่มีทางทำได้

มันเพียงแต่บอกว่าต้องใช้เวลาหน่อย

ทุกเช้าเมื่ออาทิตย์เริ่มจับขอบฟ้าในป่าอัฟริกา

สิงโตรู้ว่ามันต้องวิ่งล่ากวางตัวที่วิ่งช้าที่สุด

ขณะเดียวกัน กวางเองก็รู้ว่ามันต้องวิ่งให้เร็วที่สุดหรือไม่ก็ตาย

จุดสำคัญไม่ได้อยู่ตรงที่ว่า คุณเป็นสิงโตหรือกวาง

เพียงแต่วิ่งให้สุดกำลังของตนเมื่อถึงคราวก็พอ

ธัมมทินน์

ลองศึกษาี ความว่าง

เรื่องความว่างถือเป็นหัวใจหรือแก่นของพระุพุทธศาสนา

ความ
ว่างตามหลักพระพุทธศาสนาคือความว่างจากกิเลส (ความโลภ ความโกรธ ความหลง)
ว่างจากตัณหา (ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น ไม่อยากได้ ไม่อยากมี
ไม่อยากเป็น) ว่างจากสุข ว่างจากทุกข์ ว่างจากความรู้สึกว่ามีตัวเรา ของเรา

พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เรารู้จักมองดูโลกโดยความเป็นของว่าง
"สุญญโต โลกํ อเวกฺขสฺสุ โมฆราช สทา สโต"

มี
ใจความว่า  "เธอจงมองดูโลกโดยความเป็นของว่าง มีสติอยู่อย่างนี้ทุกเมื่อ
และเมื่อเธอมองเห็นโลกอยู่ในลักษณะอย่างนี้
ความตายก็จะค้นหาตัวเธอไม่พบนี้อย่างหนึ่ง และอีกอย่างหนึ่งมีใจความว่า
ถ้าใครเห็นโลกโดยความเป็นของว่างอยู่แล้วผู้นั้นจะอยู่เหนือ
อำนาจของความทุกข์ ซึ่งมีความตายเป็นประธาน"

"นิพฺนานํ ปรมํ สัญญํ" "นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ"
ว่างอย่างยิ่งคือนิพพาน นิพพานคือเครื่องนำมาซึ่งความสุขอย่างยิ่ง-อธิบายเป็นภาษาชาวบ้าน-

*"นิพพาน" ที่แปลว่า ดับไม่เหลือทุกข์นั้น มีความหมายลึกลงไปว่า ***ว่างอย่างยิ่ง***

สภาวะนิพพาน ไม่สามารถอธิบายให้เห็นภาพได้ (มีเพียงผู้ปฏิบัติเท่านั้นรู้ได้ด้วยตนเอง) นิพพานอยู่เหนือทุกข์เหนือสุข

สรุปแบบโลกๆ (ตามความเข้าใจของดิฉันเอง) ว่า
พระ
พุทธองค์ทรงสอนให้มนุษย์ทำความเข้าใจความจริงของชีวิตว่า ขันธ์๕
มีลักษณะเป็นกฎไตรลักษณ์ คือ ไม่เที่ยง ไม่จีรัง
มีความเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา เป็นทุกข์ ไม่ควรยึดมั่น ถือมั่น
จนเกิดอัตตายึดว่านี่ตัวกู-ของกู

ปุถุชนอย่างเรา
ที่ัยังต้องทำงานเลี้ยงชีพ การปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่น
ก็มีความสุขเพียงพอแก่ฐานานุรูป ส่วนหนทางดับทุกข์ หรืออริยมรรค
มีอุบายวิธี คือ สติปัฏฐาน๔

ลองศึกษาี ความว่าง
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ที่มาhttp://www.dhammajak.net

Song of the Plum Village: Thich Nhat Hanh

Happiness is here
and now.I have dropped my worries.Nothing to do. Nowhere to go.There’s
no need for hurry.Happiness is here and now.I have dropped my
worries.Something to do. Somewhere to go.But, there’s no need for
hurry.
Song of the Plum Village: Thich Nhat Hanh

ใครก็ได้ช่วยแปลให้หน่อยค่ะ ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร แต่ดูแล้วน่าจะความหมายดี
ถือว่าทำบุญแก่ผู้ไม่รู้นะคะ ยิ้มแฉ่ง

หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ : Buddhadasa Indapanno Archives

มรดก
ที่ ๘๖. ถ้ามีการมองที่ดี ก็จะมีแต่การได้ ไม่มีเสีย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
แม้ที่สุดแต่ความตาย นับประสาอะไร กับการสูญเสียเล็กๆ น้อยๆ หากแต่คนโง่
ไม่รู้จักมอง ให้เกิดปัญญา ว่าสิ่งเหล่านั้น มาสอนให้อย่างไรบ้าง
ทั้งที่ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ล้วนแต่มาสอนทั้งนั้น. พุทธทาส อินทปัญโญ

มีเท่านี้

"อย่าปล่อยจิตให้ปรุงแต่งมากนัก
ข้อสำคัญให้รู้จักจิตของเรานั้นเอง

เพราะว่า จิตคือ "ตัวหลักธรรม"
นอกจากจิตแล้วไม่มีหลักธรรมใด ๆ เลย
ภาวนามาก ๆ แล้วจะรู้ถึงความเป็นจริงเท่านั้นเอง
ไม่มีอะไรมากมาย…มีเท่านี้
—————————-
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล

พลิกมุมคิด ชีวิตเปลี่ยน

ความจริงของชีวิตคือทุกข์
ชีวิตของเราทุกคนกำลังเดินทางอยู่ท่ามกลางทุกข์โทษภัยนานาชนิด
ภัยธรรมชาติอุบัติเหตุ ไฟไหม้ โจรผู้ร้าย โรคภัยไข้เจ็บ

กล่าว
ได้ว่าชีวิตของคนเราโดยทั่วไปแล้วก็มีเหตุการณ์ต่างๆ ที่ไม่น่าปรารถนา
มากดดัน บีบบังคับชีวิตของเรามากมาย หมายถึง
โลกธรรมแปดฝ่ายที่ไม่น่าปรารถนา คือ เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์

พระพุทธเจ้าจึงตรัสไว้ว่า
ชีวิตคือทุกข์ ความจริงของชีวิตคือทุกข์
หมายความว่า
ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตายเป็นทุกข์ การประสบกับสิ่งที่ไม่รัก
การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ปรารถนาสิ่งใด ไม่ได้สิ่งนั้นเป็นทุกข์
ความเศร้าโศกร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ
ก็เป็นทุกข์

สมมติว่า
เรากำลังอิจฉาใครคนใดคนหนึ่งอยู่เป็นอย่างมาก เพราะเห็นเขามีแต่สุขสมหวัง
หรือนึกๆ ดูว่าในโลกนี้มีชีวิตใครที่น่าอิจฉาบ้าง

แต่จริงๆ
แล้วไม่ว่าใครจะน่าอิจฉาขนาดไหนก็ตาม
เขาเหล่านั้นต่างก็กำลังยืนอยู่ท่ามกลางภัยอันตรายในวัฏสงสารเหมือนๆ
กันทุกคน

เราทุกคนในโลกนี้ต่างอยู่ท่ามกลางโทษภัยอันตรายที่น่ากลัว
ในวัฏสงสารกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องไปคิดน้อยใจอะไร
ไม่ต้องไปคิดอิจฉาใคร ไม่ต้องรู้สึกว่า เรามีปมด้อย

ไม่ว่าเราจะเกิด
มาในตระกูลดี มีฐานะร่ำรวยขนาดไหน
พ่อแม่พี่น้องทุ่มเทความรักความเมตตาให้เรามากแค่ไหน ไม่ว่าเราจะมีกำลังกาย
กำลังใจ กำลังทรัพย์ กำลังสติปัญญามากเพียงไรก็ตาม
ชีวิตทุกชีวิตย่อมต้องมีอุปสรรคที่ทำให้เราต้องเจ็บกาย
เจ็บใจอยู่ไม่มากก็น้อย

พระพุทธเจ้า
จึงสอนให้เราต้องสร้างกำลังใจให้หนักแน่น ให้พร้อม ถ้าเราประมาท
ชีวิตก็จะพังทลายได้ง่ายๆ

อย่างที่เราก็มองเห็น
ตัวอย่างอยู่บ่อยๆ เมื่อผิดหวังในชีวิตแล้วก็ทำใจไม่ได้
ทุกข์ทรมานใจจนถึงกับฆ่าตัวตายก็มี

ถ้าเรา
เปิดตาเปิดใจกว้างแล้ว เราก็จะเห็นว่าโลกนี้มีคำสอนดีๆ ที่มีคุณค่ามากมาย

เราสามารถเรียนรู้ได้จากประสบการณ์ชีวิตคนอื่น คำสอนต่างๆ
จากนักปราชญ์ นักบุญ ครูบาอาจารย์ มีมาตั้งแต่โบราณกาล มีอยู่ทั่วทุกมุมโลก
จากฮีบรู อาหรับ จีน ทิเบต อินเดีย ฯลฯ

คำสอนต่างๆ
มีความเป็นสากลที่เราสามารถนำมาใช้ในการดำเนินชีวิต เมื่อเกิดทุกข์
มีปัญหาชีวิต กุญแจหรือเคล็ดลับที่จะไขปัญหาก็มีอยู่เสมอ

เมื่อมี
ทุกข์เปรียบเหมือนเราตกลงจากที่สูง
แต่ถ้ามีปัญญาแล้วก็เหมือนกับว่าเรามีลวดสปริงติดอยู่ที่เท้า
พร้อมที่จะกระโดดหนีขึ้นมาได้ทันที

เมื่อตกลงไปข้างล่างพาตัวเองก้าว
พ้นจากอุปสรรค พร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าได้เสมอ

หากมีปัญญาแล้ว ไม่ว่าจะมีทุกข์ มีวิกฤตในชีวิต
ก็สามารถหาทางออกได้ในทุกสถานการณ์

ที่
มา…หนังสือ โชคดี พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก

 

ของมันเห็นๆ กันอยู่

ห ล วง ปู่ ฝั้ น อ า จ า โ ร
วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร

"ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นทุกข์"

ผู้
ที่เห็นทุกข์เหล่านั้นจึงขวนขวายหาหนทางพ้นทุกข์
เมื่อเห็นทุกข์แล้ว
จงเร่งความเพียรภาวนาเรื่อยไป
เพื่อให้รู้แจ้งเห็นจริงด้วยตนเอง

ให้
เชื่อเรื่องบุญ เรื่องบาป ว่าเป็นของมีจริง
โดยมากคนมักไม่เชื่อ

ศาสนา
ศาสนาก็คือคำสอน
สอนให้คนละชั่ว ทำความดี เพื่อขจัดทุกข์ให้
ประสบ
ความสุข…

ถ้าผลบุญผลบาปไม่มีจริงแล้ว
จะมีคนร่ำรวย
มียศถาบรรดาศักดิ์
และมีคนทุกข์ยากกระจอกงอกง่อย ขี้ทูดกุดถังได้อย่างไร

ของมันเห็นๆกันอยู่…
แต่ไม่รู้จักพิจารณาก็ย่อมไม่เข้าใจ

ให้เข้า
ใจว่าที่มีศาสนา ที่มีผู้สอนให้
ก็เพื่อประโยชน์ของผู้ศรัทธา..
ปฏิบัติ
ตาม จะได้พ้นทุกข์พ้นยาก

แต่ถ้าไม่เชื่อก็แล้วแต่…

ให้
รู้จักภาวนา พุทโธ ทำดวงจิตให้ผ่องใส
จะได้เป็นที่พึ่งของเราได้แน่นอน

ให้ทราบ
ว่าในโลกนี้ไม่มีแก่นสารอันใด
เกิดมาแล้วก็ต้องตาย
เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง
ที่จะเอาได้ก็เป็นเรื่องของดวงจิตเท่านั้น…

ฉะนั้น…จึง
ให้รู้จักทำจิตคลายจากความชั่ว
ความเศร้าหมอง ทำจิตใจ
ให้เป็นบุญ
เป็นกุศล เป็นจิตที่สงบผ่องใส เป็นสมาธิ

ให้รู้จักใช้ปัญญา
พิจารณารูปนาม
ให้เห็นตามความเป็นจริงของสังขาร
จนสามารถละวางตัณหา
อุปทานทั้งหลายได้……

(ที่มา :อภิมหา
มงคลธรรม คำสอนโดยย่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
รวม ๗๕ โอวาทพระสุปฏิปันโนแห่งแผ่นดินสยาม,
หน้า ๑๓๗)
 

Previous Older Entries